ไขมันพอกตับสามารถเกิดจากหลายสาเหตุ โดยที่ปัจจัยเสี่ยงส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและสุขภาพของบุคคล แต่บางครั้งอาจเกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือการมีโรคประจำตัวอื่น ๆ

1. พฤติกรรมการกินและการบริโภคอาหาร

การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง โดยเฉพาะไขมันทรานส์และไขมันอิ่มตัว เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการสะสมของไขมันในตับ นอกจากนี้ อาหารที่มีน้ำตาลสูงเช่นขนมหวาน น้ำอัดลม และอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง ยังทำให้ระดับไขมันในเลือดสูงขึ้นซึ่งนำไปสู่การสะสมไขมันในตับได้ง่ายขึ้น

2. การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป

แม้ว่าไขมันพอกตับจะพบได้บ่อยในคนที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ แต่การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินไปก็สามารถทำลายเซลล์ตับและนำไปสู่การสะสมไขมันได้ การดื่มแอลกอฮอล์เป็นระยะเวลานานอาจทำให้ตับอักเสบและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดตับแข็ง

3. โรคอ้วนและภาวะดื้อต่ออินซูลิน

โรคอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดในการเกิดไขมันพอกตับ เมื่อมีไขมันสะสมในร่างกายมาก ระบบการเผาผลาญจะทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เกิดการดื้อต่ออินซูลิน อินซูลินเป็นฮอร์โมนที่มีหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด แต่เมื่อร่างกายไม่สามารถใช้ประโยชน์จากอินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้นและนำไปสู่การสะสมของไขมันในตับ

4. โรคเบาหวาน

ผู้ป่วยที่มีภาวะเบาหวานชนิดที่ 2 มักมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดไขมันพอกตับ เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงอย่างต่อเนื่องจะทำให้ตับทำงานหนักขึ้นและสะสมไขมันในตับ

5. พันธุกรรม

ในบางกรณี การเกิดไขมันพอกตับอาจมีสาเหตุมาจากพันธุกรรม หากคนในครอบครัวมีประวัติเกี่ยวกับโรคตับ หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบเผาผลาญ อาจมีโอกาสที่คนในครอบครัวคนอื่นจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดไขมันพอกตับเช่นกัน